Showing 475 results

Archival description
Print preview View:

345 results with digital objects Show results with digital objects

ประติมากรรมขอม [ตอนที่ 15]

บทความกล่าวถึงวัตถุที่หล่อด้วยโลหะในศิลปะขอม โดยวัตถุสัมฤทธิ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม อันได้แก่กระดิ่งที่ใช้ในพิธีกรรม คันฉ่อง ฐาน นอกจากนี้ยังกล่าวถึงเครื่องประดับประติมากรรม อาวุธที่ถอดได้และลวดลายขนาดใหญ่ ชิ้นส่วนสัมฤทธิ์ประกอบยานพาหนะและที่นั่ง ยอดธง กระดึงและเครื่องดนตรีสำหรับตี วัตถุเครื่องใช้สอบ เครื่องประดับ ชิ้นส่วนสัมฤทธิ์ที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม.

Boisselier, Jean

ประติมากรรมขอม [ตอนที่ 16]

ประติมากรรมสัมฤทธิ์สมัยหลังเมืองพระนครสามารถแบ่งได้หลายประเภท ได้แก่ ประติมากรรมขนาดเล็ก เครื่องใช้ในกิจพิธีและเครื่องใช้สอย เชิงเทียน กระดึง ภาชนะต่าง ๆ เครื่องม้า และอาวุธ ประติมากรรมเหล่านี้ส่วนหนึ่งยังคงรักษารูปแบบศิลปะสมัยเมืองพระนคร แต่บางส่วนแสดงถึงอิทธิพลจากภายนอก โดยเฉพาะศิลปะไทย นอกจากนี้ ยังมีศิลปกรรมแขนงอื่น ๆ ของศิลปะเขมรทั้งในสมัยก่อนเมืองพระนคร สมัยเมืองพระนคร และสมัยหลังเมืองพระนคร ที่น่าศึกษา ได้แก่ เครื่องเหล็ก เครื่องทองและเงิน (ในบทความใช้คำว่า “เครื่องเพชรพลอย) โดยในกลุ่มหลังนี้ ประกอบด้วย เครื่องเพชรพลอย แม่พิมพ์เครื่องประดับ ที่ประทับตรา และเงินตรา.

Boisselier, Jean

ประติมากรรมขอม [ตอนที่ 17]

มีนักวิชาการศึกษาเครื่องดินเผาในศิลปะขอมไม่มากนัก ในบทความนี้แบ่งเครื่องดินเผาออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1) เครื่องดินเผาที่ใช้ประกอบสถาปัตยกรรม และ2) ภาชนะดินเผา โดยในกลุ่มเครื่องดินเผาที่ใช้ประกอบสถาปัตยกรรม ยังแบ่งออกเป็น 3 ยุคสมัย คือ สมัยก่อนเมืองพระนคร สมัยเมืองพระนคร และสมัยหลังเมืองพระนคร สำหรับกลุ่มภาชนะดินเผา แบ่งออกเป็น 2 สมัย ได้แก่ สมัยก่อนเมืองพระนคร และสมัยเมืองพระนคร.

Boisselier, Jean

ประติมากรรมขอม [ตอนที่ 18]

นักวิชาการพยายามจัดกลุ่มเครื่องดินเผาที่พบในประเทศกัมพูชา โดยกลุ่มแรกคือ เครื่องดินเผาสมัยเมืองพระนคร ซึ่งยังสามารถจัดเป็น 2 กลุ่มย่อย คือ 1) ภาชนะเนื้อดินปนทราย ไม่มีเคลือบ มีเคลือบไม่สม่ำเสมอ หรือเคลือบสีน้ำตาลแก่ และ 2) เครื่องดินเผาเนื้อดินค่อนข้างแดงมีเคลือบสีน้ำตาล
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น ยังพบเครื่องดินเผากลุ่มอื่น ๆ อีก คือ 1) เครื่องดินเผาสมัยหลังเมืองพระนคร 2) เครื่องถ้วยที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ 3) เครื่องถ้วยจีน 4) เครื่องถ้วยไทย 5) เครื่องถ้วยต่างประเทศอื่น ๆ 6) พระพิมพ์.

Boisselier, Jean

ประติมากรรมสัมฤทธิ์พบที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ

กรมศิลปากรค้นพบประติมากรรมสัมฤทธิ์ที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2532 ขนาดความสูงเฉพาะองค์ 140 เซนติเมตร รวมความสูงทั้งฐาน 180 เซนติเมตร คงหล่อขึ้นในศิลปะขอมแบบบาปวนตอนปลาย ระหว่าง พ.ศ. 1600-1650
ศาสตราจารย์ บวสเซอลีเย่ เห็นว่าเป็นประติมากรรมซึ่งมีแกนในเป็นดินพร้อมกับแกนในเป็นเหล็ก คงเป็นรูปของทวารบาล และมีลักษณะพิเศษคือ เป็นสัมฤทธิ์ชุบทองและหล่ออย่างดี เดิมคงตั้งอยู่หน้าปราสาทหลังกลาง หรืออาจตั้งอยู่ภายในมุขหน้าปราสาทหลังนั้น หรือตั้งอยู่หน้าปราสาทองค์ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นปราสาทหลังที่สำคัญที่สุด รูปนี้น่าจะเป็นรูปของนันทิเกศวร หรือนันทีเกศวร โดยปกติจะประจำอยู่กับเทวาลัยของพระอิศวร ทั้งนี้ ประติมากรรมนี้มีรอยแตกยาวอยู่บนทั้งประติมากรรมและฐาน ควรค้นหาวิธีหยุดยั้งการเพิ่มขึ้นของรายแตกแยกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่ให้มีสนิมเกิดเพิ่มขึ้น สำหรับการจัดแสดงต้องมีเครื่องยึดภายใต้รักแร้เพื่อป้องกันมิให้ระดับที่ข้อเท้าต้องแตกแยกออก และจัดไว้ในตู้กระจกที่ป้องกันความชื้นได้.

Boisselier, Jean

ปราสาทพระวิหารในแง่ศิลป

ปราสาทพระวิหารได้วางแผนผังอย่างฉลาดยิ่ง เปรียบเสมือนการค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปสู่ที่ประทับพระผู้เป็นเจ้า คือยังเขาไกรลาส ประกอบด้วยแผนผังที่สลับซับซ้อนทางสถาปัตยกรรม ซึ่งสร้างบนเชิงเนินเขาสูงขึ้นไปตลอดระยะ 105 เมตร และสิ้นสุดตรงหน้าผาใหญ่ตั้งเด่นอยู่เหนือพื้นที่ราบเบื้องล่าง

บริเวณซุ้มประตูชั้นแรกใน 4 ชั้น มีภาพสลักบนซุ้มประตูแสดงรูปเทวดาและเรื่องราวต่าง ๆ ในศาสนาพราหมณ์ เมื่อขึ้นไปยังซุ้มประตูหลังที่สองซึ่งมีแผนผังเป็นรูปกากบาทคล้ายกับซุ้มประตูชั้นอื่น เมื่อขึ้นไปยังซุ้มประตูที่ 3 และซุ้มประตูที่ 4 ก็จะพบเทวาลัยศาสนสถานสร้างบนยอดเขาซึ่งอีกด้านหนึ่งจะตัดดิ่งลงไปเป็นหน้าผาทันที

บริเวณเทวาลัยสร้างขึ้นตามต้นแบบของอินเดีย คือเป็นเขตรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอันศักดิ์สิทธิ์ล้อมรอบไปด้วยระเบียงมุงหลังคารูปโค้ง ลักษณะอันสวยงามอันหนึ่งของปราสาทพระวิหารคือ ความละเอียดอ่อนของลวดลายที่สลักขึ้น เส้นนอกของลวดลายกรอบหน้าบันแตกต่างไปจากรูปนาคซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้กันอยู่เสมอในศาสนสถานเขมร ลายนี้อาจวิวัฒน์มาจากลวดลายมการหรือเหราแบบอินเดียซึ่งปรากฎเช่นเดียวกันบนทับหลังปราสาทสมโบร์ไพรกุกในประเทศกัมพูชา

ศิลป์ พีระศรี

ผลอันไม่แน่นอนเกี่ยวกับการใช้ Radiocarbon ทดลองอายุพระพุทธรูปทางภาคเหนือของประเทศไทย

การใช้ Radiocarbon ทดลองอายุของพระพุทธรูปแบบเชียงแสนรุ่นแรก ครั้งแรกใน พ.ศ. 2504 ส่งตัวอย่างแกนดินเผาไป 2 ชิ้น ชิ้นหนึ่งมาจากพระพุทธรูปแบบสิงห์ ภาคเหนือ ผลการทดลองพบว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 1709-1904 ชิ้นที่สองมาจากพระพุทธรูปแบบสิงห์สมัยสุโขทัยจากวัดพระเชตุพนฯ ผลการทดลองให้อายุระหว่าง พ.ศ. 2148-2198 ต่อมาได้ส่งตัวอย่างไปทดลองซ้ำอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยเพิ่มตัวอย่างชิ้นที่ 3 จากพระพุทธรูปที่มีจารึกบอกศักราชที่สร้างไว้เพื่อ่ใช้เป็นการบังคับได้ว่าผลจากการทดลองเหล่านี้เชื่อถือได้หรือไม่เพียงใด ผลการทดลองสรุปได้ว่า การทดลองอายุของพระพุทธรูปด้วยการใช้ Radiocarbon ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ เนื่องจากอายุของแกนดินซึ่งอยู่ภายในพระพุทธรูปไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นอายุของพระพุทธรูปเหล่านั้นด้วย การทดลองอายุของ Radiocarbon ควรใช้เป็นเพียงหลักฐานสำหรับสนับสนุนเท่านั้น การกำหนดอายุตามแบบศิลปหรือตามหลักฐานอื่น ๆ อาจจะได้ผลแน่นอนกว่า.

ศ. ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล

พระธยานิพุทธที่บุโรพุทโธในเกาะชวา

บุโรพุทโธในเกาะชวาเป็นศาสนสถานที่ประกอบด้วยระเบียงในผังสี่เหลี่ยม 4 ชั้น เหนือขึ้นไปเป็นลานวงกลม 3 ชั้น ทั้งนี้ ผนังด้านในของระเบียงผังสี่เหลี่ยมแต่ละชั้นใช้เป็นผนังด้านนอกของระเบียงชั้นต่อไปขึ้นไปข้างบนจึงทำให้ระเบียงมี 4 ชั้น แต่ผนังมี 5 ชั้น
ที่ผนังระเบียงเหล่านี้นอกจากจะแกะสลักภาพเล่าเรื่องจากคัมภีร์พระพุทธศาสนาแล้ว ยังมีการประดิษฐานประติมากรรมพระพุทธรูปภายในซุ้ม โดยพระพุทธรูปในแต่ละชั้นแสดงปาง (มุทรา) ต่างกัน ส่วนลานวงกลมด้านบนประดิษฐานสถูปเจาะรูเล็ก ๆ ภายในสถูปแต่ละองค์ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งแสดงปาง (มุทรา) เดียวกัน สถูปเหล่านี้เรียงรายเป็นแถว 3 แถวล้อมรอบสถูปใหญ่ผนังทึบไว้ตรงกลาง ภายในสถูปองค์นี้ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ยังแกะสลักไม่เสร็จ
ศาสตราจารย์ ฟัน โลฮุยเซน เดอ ลิว ศึกษาตีความทางประติมานวิทยาของพระพุทธรูปกลุ่มดังกล่าว สันนิษฐานว่า พระพุทธรูปที่ผนังระเบียง 4 ชั้นแรกแทนพระธยานิพุทธเจ้าประจำทิศหลักทั้ง 4 ทิศ ส่วนพระพุทธรูปในระเบียงชั้นที่ 5 เป็นพระสมันตภัทรในสถานะพระธยานิพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ส่วนพระพุทธรูปภายในสถูปที่เจาะรูเล็ก ๆ หมายถึงพระมหาไวโรจนะ เป็นพระธยานิพุทธเจ้าองค์ที่ 6 ส่วนประติมากรรมที่อยู่ภายในสถูปองค์กลางอาจสัมพันธ์กับนิกายที่นับถือพระวัชรสัตว์และพระวัชรธรในสถานะสูงสุด.

Van Lohuizen-de Leeuw, J.E.

พระธรรมจักรจารึกภาษามคธ ได้มาจากจังหวัดนครปฐม

ธรรมจักรวงหนึ่งที่มาจากการขุดค้นพบระหว่างบริเวณพระปฐมเจดีย์และพระประโทน เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ส่วนพระองค์ของพระองค์เจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุยุคล ปรากฏจารึกภาษามคธหลายตำแหน่ง ได้แก่ บนขอบกงรอบนอกล้อมรอบลายดอกไม้ บนกำ 15 ซี่ บนขอบล้อมรอบลวดลายซึ่งประดับดุมทั้งชั้นในและชั้นนอก เนื้อความในจารึกกล่าวถึงพระอริยสัจ 4 ประโยชน์แห่งมรรค ญาณ 9 ประการ และลักษณะของธรรมจักร จารึกดังกล่าวเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงวัฒนธรรมสมัยทวารวดี.

ศ. ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล

พระนางซูสีไทเฮา

พระนางซูสีไทยเฮา เดิมชื่อนางเยโฮนาลา (ดอกกล้วยไม้) ถือกำเนิดในสกุลแมนจู ที่ค่อนข้างขัดสน ได้รับการคัดเลือกขึ้นเป็นนางสนมของพระเจ้าเซียนฟงกษัตริย์องค์ที่ 7 ในราชวงศ์เช็ง หรือ ชิง นางเยโฮนาลาเป็นหญิงฉลาดเฉลียว มักอาสาช่วยเหลือพระเจ้าเซียนฟงในการเก็บรักษาเอกสารราชการจนกระทั่งมีความรู้เกี่ยวกับราชการงานเมืองเป็นอย่างดี เมื่อนางมีโอรสกับพระเจ้าเซียนฟง จึงได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นพระสนมเอก และได้พระนามว่า “ซูสี” ต่อมา โอรสของนางได้ขึ้นครองราชสมบัติ นางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการและกลายเป็นผู้ปกครองประเทศจีนอย่างแท้จริง จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ เมื่อมีพระชนม์ 73 พรรษา.

ศ. ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล

Results 371 to 380 of 475